เลี้ยงลูกเชิงบวกในยุคดิจิทัล: สร้างพัฒนาการที่ดี

การเลี้ยงลูกเชิงบวกคือแนวทางที่เน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ปลอดภัยและให้เด็กรู้สึกว่าได้รับการยอมรับพร้อมทั้งสอนทักษะทางอารมณ์และสังคมอย่างเป็นระบบ แทนการลงโทษเพียงอย่างเดียว วิธีนี้ช่วยให้เด็กมีความมั่นคงทางจิตใจ ปรับตัวได้ดี และพัฒนาพฤติกรรมเชิงบวกในระยะยาว

เลี้ยงลูกเชิงบวก คืออะไร

เลี้ยงลูกเชิงบวก (Positive Parenting) คือการใช้เทคนิคที่เน้นการสื่อสารที่เห็นค่าความรู้สึกของเด็ก ให้คำชี้แนะเชิงสร้างสรรค์ กำหนดขอบเขตอย่างชัดเจน พร้อมทั้งส่งเสริมพฤติกรรมที่ต้องการด้วยการเสริมแรงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การชมเชย การให้รางวัลเชิงสัญลักษณ์ และการให้ตัวเลือกแทนการสั่งห้ามเพียงอย่างเดียว

หลักการสำคัญของวิธีเลี้ยงลูกเชิงบวก

  • การสื่อสารที่เคารพและยอมรับความรู้สึก: ฟังเด็กอย่างตั้งใจ พูดสะท้อนความรู้สึกกลับไป เช่น “เห็นว่าหนูโกรธเพราะ…” เพื่อให้เด็กเรียนรู้การระบุอารมณ์
  • กำหนดขอบเขตที่สม่ำเสมอ: ขอบเขตต้องชัดเจนและมีความสม่ำเสมอ ผู้ปกครองต้องยึดหลักเดียวกันเพื่อลดความสับสน
  • เสริมแรงเชิงบวก: ชมพฤติกรรมที่ต้องการอย่างเฉพาะเจาะจง เช่น “แม่ชอบที่หนูช่วยเก็บของเล่นหลังเลิกเล่น” แทนคำชมกว้าง ๆ
  • ฝึกทักษะแก้ปัญหา: ให้เด็กมีส่วนร่วมในการหาทางออก เช่น ให้เลือกสองตัวเลือกที่เหมาะสมแทนการสั่ง
  • เป็นแบบอย่างที่ดี: พ่อแม่ควรแสดงพฤติกรรมที่ต้องการเห็น ไม่ว่าจะเป็นการจัดการอารมณ์ การใช้สื่อดิจิทัล หรือการแก้ปัญหา

การรับมือกับวัย “Terrible Two” — คำแนะนำจากหมอประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ (จิตแพทย์เด็ก)

วัยสองขวบมักมีการทดสอบขอบเขตและแสดงอารมณ์เด่นชัด เช่น อาละวาด งอแง หรือไม่ยอมร่วมมือ หมอประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ซึ่งเป็นจิตแพทย์เด็กที่ให้คำแนะนำว่าการรับมือวัยนี้ควรเน้นไปที่การยืนยันความรู้สึกและการตั้งขอบเขตอย่างอบอุ่น ได้แก่:

  • ตอบรับความรู้สึกก่อน เช่น “รู้ว่าหนูโกรธนะ” เพื่อช่วยให้เด็กสงบลงก่อนสอนบทเรียน
  • ให้ตัวเลือกเพื่อสร้างความรู้สึกมีอำนาจ เช่น “หนูอยากใส่รองเท้าคู่นี้หรือคู่นั้น”
  • ใช้เทคนิค “time-in” แทนการแยกเด็กออกทันที: จับมือ ปลอบใจ แล้วสอนให้รู้ว่าจะทำอย่างไรครั้งหน้า
  • จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยและลดสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดความหงุดหงิด

คำแนะนำเหล่านี้เน้นการฝึกทักษะระเบียบและการควบคุมอารมณ์มากกว่าการลงโทษ เพื่อพัฒนาแนวทางการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน

จัดการสื่อดิจิทัลอย่างสมดุล

การเติบโตในยุคที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อนั้นหมายถึงการตั้งกฎที่ชัดเจนเกี่ยวกับหน้าจอ เทคนิคสำคัญได้แก่:

  • กำหนดเวลาใช้หน้าจอที่เหมาะสมตามวัย: องค์กรมะกันแห่งกุมารแพทย์ (American Academy of Pediatrics) แนะนำให้หลีกเลี่ยงหน้าจอสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18–24 เดือน ยกเว้นการสนทนาทางวิดีโอ และจำกัดเวลาจอสำหรับเด็ก 2–5 ปี ไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวันของเนื้อหาคุณภาพสูง พร้อมผู้ใหญ่ร่วมรับชม
  • สร้างช่วงเวลาปราศจากหน้าจอ เช่น เวลามื้ออาหารและก่อนนอน
  • คัดเลือกคอนเทนต์ตามวัยและเน้นการร่วมกิจกรรม (co-viewing) เพื่อสอดแทรกบทเรียน
  • ใช้การตั้งค่าควบคุมของอุปกรณ์และแอปเพื่อป้องกันเนื้อหาไม่เหมาะสม

เมื่อไรควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

ถ้าพฤติกรรมก่อกวนต่อการเรียนรู้ การนอน หรือความสัมพันธ์ภายในครอบครัวอย่างต่อเนื่อง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ด้านจิตเวชเด็กหรือคลินิกพัฒนาการ หลายโรงพยาบาลรัฐมีบริการคลินิกนอกเวลาและคลินิกพัฒนาการที่ให้คำปรึกษา เช่น คลินิกนอกเวลาหรือนัดพิเศษของโรงพยาบาลมหาราช/ศูนย์เด็ก-วัยรุ่นของโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งสามารถให้คำแนะนำการประเมินพฤติกรรมและแผนการรักษาเบื้องต้นได้

การเลือกโรงเรียนอนุบาลในมุมของการเลี้ยงลูกเชิงบวก

เมื่อจะเลือกโรงเรียนอนุบาล ควรพิจารณาปัจจัยที่สอดคล้องกับแนวทางเชิงบวก เช่น

  • หลักสูตรและแนวทางการสอน: โรงเรียนควรมีแนวทางส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการเล่นและการพัฒนาทักษะสังคม
  • อัตราส่วนครูต่อเด็ก: อัตราส่วนที่เหมาะสมทำให้ครูสามารถให้ความสนใจแบบรายบุคคล
  • นโยบายการจัดการพฤติกรรม: ควรสอบถามว่าใช้วิธีเสริมแรงเชิงบวกหรือการลงโทษแบบใด
  • มาตรฐานความปลอดภัยและสุขภาพดิจิทัล: นโยบายการใช้สื่อดิจิทัลและการสื่อสารกับผู้ปกครอง
  • ความร่วมมือระหว่างบ้านและโรงเรียน: โรงเรียนที่เปิดโอกาสให้พ่อแม่มีส่วนร่วมมักสอดคล้องกับการเลี้ยงลูกเชิงบวก

ตัวอย่างกิจวัตรเชิงบวกที่ทำได้จริง

  • เช้า: พูดคุยถ่ายทอดความคาดหวังสั้น ๆ พร้อมให้ตัวเลือก เช่น “แจกเวลา 2 นาที เลือกเสื้อก่อนออกบ้าน”
  • กลางวัน: สร้างช่วงเวลาไม่มีหน้าจอสำหรับมื้ออาหาร และชมเชยพฤติกรรมที่ดีเฉพาะเจาะจง
  • ก่อนนอน: ทำกิจกรรมสงบ เช่น อ่านนิทานและสรุปวันด้วยความรู้สึกที่ดี

สรุป

วิธีเลี้ยงลูกเชิงบวกเน้นการสื่อสารที่ให้เกียรติ ความสม่ำเสมอในการตั้งขอบเขต และการเสริมแรงเชิงบวก โดยเฉพาะในช่วงวัยที่ท้าทายอย่าง Terrible Two การยืนยันความรู้สึกและการให้ตัวเลือกเป็นกุญแจสำคัญ ในยุคที่สื่อดิจิทัลเข้ามามีบทบาท ผู้ปกครองควรตั้งกฎการใช้สื่อที่ชัดเจนและเป็นแบบอย่างที่ดี หากพบปัญหาพฤติกรรมรุนแรงหรือก่อกวนต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาคลินิกพัฒนาการหรือจิตแพทย์เด็กเพื่อรับการประเมินและคำแนะนำเชิงมืออาชีพ

Scroll to Top