กรมอนามัยปรับมาตรการรับมือพีเอ็ม2.5 จัดชุดปฏิบัติการ

กรุงเทพฯ — วันที่ 26 ตุลาคม 2568 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ประกาศปรับมาตรการรับมือปัญหา PM2.5 โดยจัดตั้ง “ชุดปฏิบัติการเชิงรุก” เพื่อหวังลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยเน้นกลุ่มเสี่ยงคือหญิงตั้งครรภ์ เด็กปฐมวัย และผู้มีโรคประจำตัว

นพ. อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย ระบุว่า ชุดปฏิบัติการดังกล่าวเริ่มปฏิบัติงานครั้งแรกที่สำนักงานกรมอนามัย สำนักงานใหญ่ และขยายการทำงานร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี (กรมอนามัย นนทบุรี) เพื่อเป็นพื้นที่นำร่อง เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2568 โดยมีเป้าหมายสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การเฝ้าระวังและแจ้งเตือน, การป้องกันและให้ความช่วยเหลือกลุ่มเสี่ยง และการสื่อสารให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพ

มาตรการสำคัญที่ประกาศมีทั้งการติดตั้งเครื่องวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่ในพื้นที่ชุมชน 150 เครื่อง เพื่อให้ข้อมูลเรียลไทม์ การแจกหน้ากาก N95 และชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลแก่หญิงตั้งครรภ์และครอบครัวที่มีเด็กเล็กจำนวนเบื้องต้น 50,000 ชุด และการนำเครื่องฟอกอากาศแบบความจุสูงติดตั้งเป็นการชั่วคราวในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงนำร่อง 200 แห่ง

นพ. อรรถพลกล่าวเพิ่มเติมว่า กรมอนามัยยังออกแนวทางปฏิบัติสำหรับสถานบริการสาธารณสุข โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก และครอบครัว ซึ่งรวมถึงการปรับตารางเรียนหรือเลื่อนกิจกรรมกลางแจ้งเมื่อตรวจพบค่า PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน การจัดพื้นที่คลีนรูมภายในศูนย์เด็กเล็กสำหรับเด็กป่วยเล็กน้อย และการให้คำปรึกษาผ่านระบบโทรเวชกรรมสำหรับผู้มีอาการทางเดินหายใจ

ในแง่ของบทบาทที่กว้างขึ้นต่อสังคม นพ. อรรถพลเน้นว่า “กรมอนามัยทำหน้าที่เป็นทั้งผู้เฝ้าระวังสุขภาพ สร้างแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน และประสานหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อให้การป้องกันเข้าถึงกลุ่มเสี่ยงโดยตรง” ซึ่งสอดรับกับภารกิจหลักของกรมอนามัยในการส่งเสริมสุขภาพแม่และเด็ก (โครงการส่งเสริมสุขภาพแม่และเด็ก) โดยเฉพาะการให้คำแนะนำด้าน栄養 การเฝ้าระวังพัฒนาการเด็ก และการจัดสรรทรัพยากรเพื่อป้องกันผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ

สำหรับการปฏิบัติงานเชิงรุกในระดับจังหวัด กรมอนามัยได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร่วมกับหน่วยงานปกครองท้องถิ่นสำรวจศูนย์เด็กเล็กและครอบครัวที่เปราะบาง และจัดลำดับความสำคัญในการแจกอุปกรณ์ป้องกัน นอกจากนี้มีการฝึกอบรมบุคลากรในศูนย์เด็กเล็กเกี่ยวกับการดูแลเด็กปฐมวัยเมื่อต้องเผชิญสถานะการณ์ฝุ่นละอองสูง เช่น การสังเกตอาการหอบเหนื่อย การดูแลเมื่อมีเสมหะหรือไอ และการติดต่อระบบสาธารณสุขเมื่อจำเป็น

แหล่งข่าวจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรีระบุว่า การดำเนินงานในพื้นที่นำร่องเริ่มเห็นผลในด้านการรับรู้ของผู้ปกครอง โดยมีการลงทะเบียนรับชุดป้องกันและเข้ารับคำปรึกษาเชิงป้องกันมากขึ้นกว่าช่วงก่อนมีมาตรการประมาณร้อยละ 30 ขณะที่หน่วยงานกำหนดกรอบประเมินผลระยะสั้นภายใน 30 วัน เพื่อประเมินการลดการเข้ารับบริการฉุกเฉินของเด็กที่มีอาการทางเดินหายใจ

กรมอนามัยยังประกาศว่าจะเผยแพร่ข้อมูลคำแนะนำแบบเข้าถึงง่ายสำหรับประชาชน ผ่านช่องทางเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมหมายเลขสายด่วนสำหรับคำปรึกษาด้านสุขภาพแม่และเด็กกรณีที่ผู้ปกครองกังวลเกี่ยวกับอาการของบุตร

สรุปได้ว่า ใคร: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โดย นพ. อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ (รองอธิบดี) ทำอะไร: จัดตั้งชุดปฏิบัติการเชิงรุก ปรับมาตรการรับมือ PM2.5 และออกแนวทางปฏิบัติสำหรับกลุ่มเสี่ยง ที่ไหน: สำนักงานกรมอนามัยและพื้นที่นำร่องในจังหวัดนนทบุรี เมื่อไหร่: เริ่มดำเนินการและประกาศมาตรการเมื่อวันที่ 25-26 ตุลาคม 2568

คำถามที่ประชาชนมักถามว่า “กรมอนามัย ทำอะไร” บทความนี้สรุปได้ว่า กรมอนามัยมีบทบาทในการเฝ้าระวังสุขภาพให้คำแนะนำด้านสาธารณสุข สร้างมาตรฐานการดูแล และทำงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อให้บริการด้านสุขภาพเชิงป้องกัน โดยเฉพาะในประเด็นสุขภาพแม่และเด็ก รวมถึงการออกนโยบายดูแลเด็กปฐมวัยที่สอดคล้องกับสถานการณ์มลพิษเพื่อปกป้องกลุ่มเปราะบาง

กรมอนามัยแจ้งว่าจะมีการประชุมสรุปผลการดำเนินงานเบื้องต้นในสัปดาห์หน้า และจะขยายมาตรการไปยังจังหวัดอื่นตามข้อมูลคุณภาพอากาศและความต้องการของพื้นที่

Scroll to Top